วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

(154) ศาสนาฝ่ายมิจฉาทิฏฐิกำลังอวดปฏิหาริย์

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล

ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย ท่านเห็นอยู่หรือไม่ว่า ณ ปัจจุบันนี้ มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับชาวพุทธบ้าง ท่านทั้งหลายเคยได้ยินพระพุทธองค์ตรัสกับเหล่าสาวกหรือผู้หนึ่งผู้ใดหรือไม่ว่า "เธอทั้งหลายเมื่อบวชเข้ามาแล้วจงไปสร้างโบสถ์สร้างศาลา ไปสร้างพระสร้างวัตถุมงคล และจงไปเรียนวิชาอาคมเสีย จงไปแสดงฤทธิ์อภินิหาริย์เถิด" ไม่เลยไม่เคยได้ยินพระพุทธองค์ตรัสเช่นนั้น มีแต่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "เธอทั้งหลาย เมื่อเข้ามาบวชแล้ว เธอจงตั้งใจเรียนกรรมฐานห้า เมื่อเรียนรู้แล้ว เธอทั้งหลายจงออกไปปลีกวิเวกยึดเอาป่าและโคนต้นไม้เป็นที่เพียรภาวเพื่อฆ่ากิเลสเถิด"

แต่ยุคสมัยนี้ บุคคลเมื่อบวชเข้ามาแล้ว กลับแสวงหากิเลสมาใส่ตัวไม่สิ้นสุด เมาบาปเมาบุญ สร้างวัดสร้างวาใหญ่โตมโหฬาร โหมโฆษณาวัดยิ่งกว่าศูนย์การค้า แข่งกันสร้างเหรียญสร้างวัตถุมงคล แม้ออกธุดงค์ก็หลงเรื่องฤทธิ์เรื่องอภิญญา ส่งจิตส่งของไปหาผู้อื่น วุ่นวายอยู่แต่ในเรื่องโลกียฌาน วุ่นวายอยู่แต่เรื่องบาปบุญของผู้อื่น ซึ่งเป็นเรื่องสวนกับคำสอนของพระพุทธองค์ทั้งนั้น หาผู้จริงใจกำจัดกิเลสให้หมดไปจากใจของตัวเองก็หาได้น้อย "ผู้ทรงธรรม" ดั่งเช่นพระอรหันต์เจ้าในโลกนี้ที่ดำรงธาตุขันธ์อยู่ก็เห็นมีแค่นับสิบองค์ นอกนั้น ล้วนเป็น "ผู้ทำทรง" ทั้งนั้น คือทำเป็นเหมือนผู้มีธรรมสูง ยึดและสอนตามตำรา ชอบแสดงฤทธิ์อภินิหาริย์ บ้างก็งมงายในเทพแลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทรงเทพ ทรงเจ้าเข้าผี บ้างก็เป็นวัดการค้าการตลาด บ้างก็ติดในลาภสักการะแลศรัทธา บ้างก็มัวมัวในวัตถุทางโลก ดูแล้วชั่งหดหู่หัวใจ หลวงพ่อพระอรหันต์เจ้าผู้ติดดินท่านกล่าวว่า "ผู้มีบุญและมีปัญญาเท่านั้น จึงจะค้นพบ "ผู้ทรงธรรม" ที่แท้จริงได้ ส่วนผู้ที่ยังมีความหลงแลไม่มีปัญญา แถมอวดดีและหยิ่งยะโส ก็มักหลงไปติดอยู่กับ "ผู้ทำทรง" ทั้งนั้น"

เมื่อย้อนกลับมาพิจารณาที่คำสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่แสดงไว้เป็นปัจฉิมโอวาท ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นความจริงของสรรพสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาว่า นับวันจะหาพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้จะเป็นเนื้อนาบุญให้โลกได้พึ่งอาศัย ได้สร้างบุญกุศล ได้ยากยิ่งขึ้น นี่แหละยุคของเทพมาดูแลศาสนา ความผิดเพี้ยนจึงบังเกิดขึ้น ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้แสวงหาบัณฑิต บัณฑิตจะพากันไปแสวงหาธรรม ธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมที่แท้จริงย่อมไม่ผิดเพี้ยน และธรรมจริงนั้นยังมีอยู่ ขอผู้ที่เข้ามาอ่านเจอข้อความนี้ จงเป็นผู้มีปัญญาแลมีดวงตาที่เห็นธรรม ได้ค้นพบครูอาจารย์ผู้เป็นอริยสาวกที่แท้จริงทุกท่านเทอญ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
10 กันยายน 2555
ปัจฉิมโอวาทของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต






"ผู้ถือไม่มีบาป ไม่มีบุญ ก็มากมายเข้าแล้ว แผ่นดินนับวันแคบ มนุษย์แม้จะถึงตาย ก็นับวันมากขึ้น นโยบายในทางโลกีย์ใดๆก็นับวันประชันขันแข่งกันขึ้น พวกเราจะปฏิบัติลำบากในอนาคต เพราะเนื่องด้วยที่อยู่ไม่เหมาะสม เป็นไร่เป็นนาจะไม่วิเวกวังเวง

ศาสนาทางมิจฉาทิฏฐิ ก็นับวันจะแสดงปฏิหาริย์ คนที่โง่เขลาก็จะถูกจูงไปอย่างโคและกระบือ ผู้ที่ฉลาดก็เหลือน้อย

ฉะนั้น พวกเราทั้งหลาย จงรีบเร่งปฏิบัติธรรม ให้สมควรแก่แก่ธรรม...
ดังไฟที่กำลังไหม้เรือน จงรีบดับเร็วพลันเถิด ให้จิตใจเบื่อหน่ายคลายเมาวัฏสงสาร ทั้งโลกภายในหนังหุ้มอยู่โดยรอบ ทั้งโลกภายนอกที่รวมเป็นสังขารโลก ให้ยกดาบเล่มคมเข้าสู้ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พิจารณาติดต่ออยู่ไม่มีกลางวันกลางคืนเถิด

ความเบื่อหน่ายคลายเมาไม่ต้องประสงค์ ก็จะต้องได้รับแบบเย็นๆ และแยบคายด้วย จะเป็นสัมมาวิมุตติ และสัมมาญาณะอันถ่องแท้ ไม่ต้องสงสัยดอก

พระธรรมเหล่านี้ไม่ล่วงไปไหน มีอยู่ ทรงอยู่ในปัจจุบัน จิตในปัจจุบัน ที่เธอทั้งหลายตั้งอยู่หน้าสติ หน้าปัญญา อยู่ด้วยกัน กลมกลืนในขณะเดียวนั้นแหละ"

โอวาทครั้งสุดท้ายของอาจารย์มั่น
(บันทึกโดยพระอาจารย์หล้า เขมปตฺโต)
จากหนังสือ"เพชรน้ำหนึ่ง"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น